วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

การแพทย์แผนไทยมีวิธีการขับล้างพิษตามหลักอายุรเวทโบราณที่เรียกว่า “ปัญจกรรม”
การล้างพิษห้าทาง คือ

1.วมนะ การทำให้อาเจียร





















2.วิเรจนะ การถ่ายยา





















3.นาสิยา การล้างจมูก 


4.วัตติ การสวนอุจจาระ 





5.รัชตะ การทำให้เลือดออก 





วิธีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ที่เรียกว่า“วัสติ”นั้น สอดคล้องกับวิธีการของนายแพทย์ แมกซ์ เกอสัน ที่มีวิธีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟ ควบคู่ไปกับการใช้อาหารธรรมชาติ เพื่อรักษาโรคแห่งความเสื่อมของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็ง

หัวใจสำคัญที่จะรักษาโรคแห่งความเสื่อม คือ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่ ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกายและการขับพิษหรือของเสียออกจากร่างกาย รวมทั้งยกระดับจิตให้สูงขึ้น ไม่ให้จมปลักอยู่กับความสิ้นหวัง ท้อแท้ หรือมองสิ่งต่างๆในแง่ลบ

วิธีการของแพทย์แผนไทยผสมผสานกับคล้ายกับวิธีการของนายแพทย์ แมกซ์ เกอสัน ได้แก่ ให้คนไข้กินขมิ้นชันสองเม็ดก่อนจะทำการสวนล้างลำไส้ด้วยกาแฟครึ่งชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้ตับสร้างเอ็นไซม์กลูตาไธโอน
 
         การเพิ่มอุณภูมิให้คนไข้สูงขึ้นโดยวิธีต่างๆ เช่น อาบน้ำร้อนห้านาที อาบน้ำเย็นสองนาที สลับกันไป  อาบแดด ห่มด้วยใบตอง ซึ่งเป็นแบบไทยๆ  ซึ่งวิธีการเหล่านี้ แบบเกอร์สันไม่มี

        ดร.เกอร์สัน  ใช้การฝึกสมาธิแบบ เมดิเตชั่น (Meditation) เราควรใช้แบบพุทธ ให้คนไข้ฝึกอานาปานสติ ส่วนการออกกำลังกายจะให้คนไข้เดิน 20 นาที แบบเดินนับลมหายใจ ก้าว1 2 3 4 หายใจเข้าพุงป่อง 5 6 กลั้นหายใจ 7 8 9 10 หายใจออกพุงแฟบ

      ให้คิดเชิงบวก มีการใช้วิธีแบบพุทธเข้ามาผสมผสาน อารมณ์คนไข้นั้นมีความสำคัญ คนไข้ที่จะรับการรักษา จะต้องหัวเราะได้

การบำบัดรักษาผู้ป่วย จะเริ่มที่การอธิบายตามหลัก 7 ก้าว อ.  ส่วนเรื่องการคิดเชิงบวกตามแนวทางเกอร์สันบำบัดนั้น ใช้โดยการให้สวดมนตร์แทน เอาสติไปอยู่ที่การสวดมนตร์ เมื่อทำได้แล้ว ก็มาคุยกันว่ามีปัญหาอะไร จะให้ความมั่นใจคนไข้ว่า “คุณไม่ตายหรอก คนรอดมีมากมาย” คนไข้ต้องรู้ว่า แพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ใช่ยมบาล เมื่อตรวจแล้วบอกว่าคนไข้จะตายใน 90 วันนั้น เป็นเรื่องไม่จริง แพทย์ไม่สามารถที่จะกำหนดวันตายของคนไข้ได้

         คนไข้ต้องย้อนไปว่าเมื่อ12 ปีที่แล้ว คนไข้ไปทำสิ่งใดที่ทำให้ตนเกิดเนื้องอกมะเร็งขึ้น จะต้องเลิกการกระทำนั้น คนไข้จะต้องเกิดใหม่ ทำตัวใหม่

        คนไข้อาจได้รับวิตามินเสริม โดยความสำคัญกับวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอและอื่นๆตามความจำเป็น

การดูแลคนไข้มะเร็งไม่ใช่การรักษา เพราะเป็นเรื่องสุขภาพองค์รวมเพื่อให้คนไข้สามารถปรับวิถีชีวิตให้เหมาะสม ให้คนไข้เป็นหมอของตัวเอง รักษาตัวเอง

หลักการบำบัดรักษามะเร็งแบบองค์รวมนั้น 
มุ่งไปที่การสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย และควบคุมไม่ให้เซลล์มะเร็งเติบโต โดยการควบคุมอาหารที่จะทำให้เซลล์มะเร็งเติบโต คือจะต้อง
- งดของเค็ม
- งดอาหารประเภท เนื้อนมไข่ ไขมัน และเนย
- ดื่มน้ำซุปผักใบเขียว เพื่อเพิ่มเกลือโปตัสเซียม นอกจากในผักใบเขียวแล้ว โปตัสเซียมยังมีมากในมะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ แครอท กะหล่ำปลี และมันฝรั่ง
- บำรุงร่างกายด้วย การดื่มน้ำคั้นแยกกาก ของผักและผลไม้สด ให้ได้วันละ 13 แก้ว
เพราะในน้ำผักและผลไม้สดนั้น อุดมไปด้วยเอนไซม์ เกลือแร่ และวิตามิน ควรดื่มทันทีที่เตรียมเสร็จ เพราะถ้าทิ้งไว้สิ่งมีคุณค่าเหล่านี้จะถูกทำลายไป  ในทางอายุรเวท ยังกล่าวว่าในผักผลไม้สดนั้น มีพลังชีวิตที่เรียกว่าปราณอยู่ ซึ่งปราณเหล่านี้จะช่วยเสริมพลังชีวิตของผู้ป่วยให้มากขึ้น การดื่มน้ำผักและผลไม้ให้ได้ถึง 13 แก้ว จะทำให้ไตทำงานดีขึ้น
- การกินอาหารมังสวิรัติ เพื่อป้องกันพิษจากเนื้อสัตว์ เราไม่ควรรับโปรตีนเกินวันละ 35 กรัม
- ทำการสวนล้างลำไส้ ด้วยน้ำกาแฟ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเอนไซม์ตับ เพื่อขจัดสารพิษ และมีการล้างลำไส้ใหญ่ ไม่ให้มีสารพิษ ที่ตกค้างอยู่ ทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น